ทำอย่างไรถึงจะลงทุนหุ้นได้ 30 ล้าน ในระยะเวลาอันสั้น ต้องมีแนวคิดและวิธีการแบบไหน หลายคนมีความฝัน แต่ไม่ลงมือทำ และอีกหลายคนลงมือทำแต่ไม่มีเครื่องมือ วันนี้ตลาดหุ้นเป็นเครื่องมือที่ถูกต้อง ที่จะเป็นคำตอบของ ล้าน ภายใน 12 เดือน
1.ลงทุนหุ้นให้รวย ใช้วิธีเลือกหุ้นแบบ Topdown
ต้องติดตามว่าธุรกิจอะไรที่กำลังเป็น Mega Trends อาจสังเกตจากพฤติกรรมเด็กรุ่นใหม่ว่าชอบทำอะไรชอบไปที่ไหน หรือติดตามข่าวสารต่างประเทศที่มีการพัฒนามากกว่าประเทศเรา ไม่ว่าจะเป็นทางยุโรป สหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น หรือเกาหลี ตัวอย่างข้อมูลจากสหรัฐอเมริกาที่ธุรกิจ COTCO ซึ่งเป็นร้านค้าส่ง กำลังเป็น Mega Trends เมื่อมาดูทางประเทศไทยซึ่งประเภทค้าส่งมีเพียงรายเดียวเท่านั้น เป็นค้าส่งมิตรแท้โชห่วย จึงเลือกได้ไม่ยาก มีทั้งแบบขับรถไปซื้อเองที่ห้าง และแบบบริการโทรสั่งออนไลน์ ด้วยพฤติกรรมผู้บริโภคที่ชอบความสะดวกสบายมากขึ้น ซึ่งเป็นตัวอย่างของธุรกิจ Mega Trends ในประเทศไทยที่ตามเทรนด์ของสหรัฐอเมริกา
ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจ CPALL ที่ย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปีก่อน ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ได้สังเกต Wal-Mart ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐอเมริกา เคยเป็นหนึ่งในหุ้นที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกาและใหญ่ที่สุดในโลก ดร.นิเวศน์ จึงมาสังเกตในตลาดเมืองไทย เห็นร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ไม่ว่าจะเปิดสาขาเพิ่มขึ้นกี่สาขา ก็มีลูกค้าเข้าใช้บริการจำนวนมาก แล้วหากวันหนึ่ง 7-Eleven เปิดสาขาพร้อมกันทั่วประเทศ คนไทยทั้ง 60 ล้านคน เข้ามาใช้จ่ายกันทุกคน สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือการหมุนเวียนของกระแสเงินสด (cash flow) ดร.นิเวศน์ จึงตัดสินใจระดมทุนขายหุ้นตัวอื่นเพื่อมาซื้อหุ้น CPALL นั่นคือเราต้องเป็นคนช่างสังเกตจึงจะรู้ว่าธุรกิจไหนจะเป็น Mega Trends ในอนาคต
2. เราต้องเลือกบริษัทที่เป็นเบอร์ 1
เมื่อเรารู้ว่าธุรกิจใดเป็น Mega Trends แล้ว แต่ธุรกิจในอุตสาหกรรมประเภทนั้นจะมีหลายบริษัทที่แข่งขันกันอยู่ เป็นสิ่งที่เราต้องเลือก แน่นอนว่าเราต้องเลือกบริษัทที่เป็นเบอร์ 1 ในอุตสาหกรรมเท่านั้น เพราะหากเกิดวิกฤตขึ้น บริษัทที่ไม่ใช่เบอร์ 1 ต้องเสียหายก่อน หากจะมีความเสียหายมาถึงเบอร์ 1 เราจะรู้ได้ก่อนทั้งจากงบการเงินหรือผลประกอบการของบริษัทที่มีการประกาศ
3. การวิเคราะห์เชิงปริมาณ
ไม่ว่าจะเป็นการอ่านงบการเงิน อัตราส่วนทางการเงิน หรือดูการคำนวณ Fair value หรือราคาเหมาะสม เพื่อประกอบการวิเคราะห์บริษัทหรือธุรกิจนั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่นักลงทุนมือใหม่ต้องรู้ หาดูเพิ่มเติมได้จาก รวยหุ้นไม่ง้อเซียน หรือ สอนเล่นหุ้นมือใหม่ ซึ่งจะมีลงรายละเอียดในเรื่องการวิเคราะห์เชิงปริมาณ
4. การวิเคราะห์เชิงคุณภาพ
ทำไมคนสำเร็จจึงมีน้อย วันนี้คนสำเร็จกับคนไม่สำเร็จแตกต่างกันที่รายละเอียด เคล็ดลับคนสำเร็จอย่างวอร์เรน บัฟเฟต และดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ที่จะให้ความสำคัญกับการวิเคราะห์ธุรกิจในเชิงคุณภาพ เป็นการศึกษาธุรกิจที่จะลงทุนในเชิงลึก ซึ่งมีรายละเอียดมาก ต้องใช้ข้อมูลทั้งจากการอ่านหนังสือและเครื่องมือการวิเคราะห์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น SWOT Analysis, Five Forces Model หรือเครื่องมืออื่น ๆ มาใช้ในการวิเคราะห์กิจการทั้งปัจจุบัน ทั้งในอดีต 5 ปีที่ผ่านมา และที่สำคัญคืออีก 5 ปีข้างหน้าจะเป็นอย่างไร สมมติเราวิเคราะห์แต่เชิงคุณภาพ ไม่วิเคราะห์ในเชิงปริมาณเลย แล้วพบธุรกิจที่เป็น Mega Trends ตัวอย่างกาแฟสตาร์บัค ธุรกิจมีการเปิดสาขาเพิ่มอย่างต่อเนื่อง คนเข้าใช้บริการมากมาย ส่งผลต่อ “รายได้ กำไร ปันผลเติบโต” ตราบใดที่ธุรกิจยังมีพื้นฐานที่ดี เราอาจลงทุนแบบ DCA ซื้อเฉลี่ยทุกเดือน อาจจะเดือนละ 5,000 บาท เป็นต้น นั่นคือเราต้องศึกษาธุรกิจ ไม่ใช่ศึกษาตลาดหุ้น ซึ่งไม่เพียงแต่อ่านหนังสือเท่านั้น ต้องเป็นคนช่างสังเกตวงการธุรกิจ สถานการณ์โลกเป็นอย่างไร ต้องมุ่งทำงานศึกษาอย่างหนักเพื่อให้มีข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ ซึ่งจะทำให้เราสามารถเลือกลงทุนในหุ้นได้ถูกตัว
เคล็ดลับของคนที่ประสบความสำเร็จ ลงทุนหุ้นให้รวย พ่อของบิล เกตส์ เคยให้วอร์เรน บัฟเฟต กับบิล เกตส์เขียนหนึ่งคำในกระดาษถึงสิ่งที่ทำให้เขามาถึงวันนี้ได้ “Focus” เป็นคำที่ทั้งสองคนเขียนออกมาตรงกัน โฟกัส ทำให้ดีและไปให้สุด ในการศึกษาเรื่องหุ้นอ่านหนังสืออย่างเดียวไม่พอ ต้องมีฟัง Opp Day ติดตามสถานการณ์ต่าง ๆ เพราะทุกอย่างมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ดังนั้นเราต้อง Focus ถูกจุด Set priority ถูกต้อง รู้ว่าอะไรสำคัญต่อการลงทุน โฟกัสจนสามารถทำข้อ 4 ได้เก่ง ซึ่งไม่จำเป็นต้องมีความสามารถพิเศษ ไม่ต้องมีข้อมูล insider หรือวงใน เพียงแค่ตั้งใจทำจริง มีความขยัน อยู่กับสิ่งแวดล้อมของคนที่สนใจในเรื่องเดียวกัน สิ่งแวดล้อมจึงมีความสำคัญมากที่จะมีส่วนให้เราสำเร็จในตลาดหุ้น
5. จิตวิทยาในการลงทุน
การลงทุนในหุ้นจะมีอยู่ 2 อย่าง คือเหตุผลกับอารมณ์ และจิตวิทยาในการลงทุน ก็คือการที่ต้องควบคุมอารมณ์ให้ได้ ถึงแม้จะทำได้ยากมาก เพราะไม่ว่าหุ้นจะขึ้นหรือลง เราก็จะเกิดอารมณ์ หุ้นลงก็กลัว หุ้นขึ้นก็โลภ อยากจะขาย ซึ่งหากเราใช้อารมณ์นำ จะไม่เป็นการดีต่อผลลัพธ์ วอร์เรน บัฟเฟต ได้กล่าวไว้ว่า “ให้เราโลภตอนที่คนอื่นกลัว ให้เรารู้สึกกลัวตอนที่คนอื่นโลภ” ให้ทำตรงข้ามกับคนทั่วไป ซึ่งหากเรามีจิตวิทยาในการลงทุนจะทำให้ซื้อและขายหุ้นในจังหวะและเวลาที่ถูกต้อง
ลงทุนหุ้นให้รวย การจะทำกำไรให้ได้ ล้าน ในเวลา 1 ปี ต้องทำตัวเป็นหุ่นยนต์ ใช้เหตุผลเป็นหลัก มีอารมณ์ให้น้อยที่สุด การจะทำกำไรได้แบบนี้ ไม่ได้มีบ่อย แต่เราต้องเตรียมความรู้ให้พร้อม เมื่อถึงจังหวะและเวลาที่เหมาะสมเราจะไม่พลาด ดังนั้นเคล็ดลับ 5 ข้อข้างต้น จะทำให้ทุกคนมีวิธีการในการเลือกหุ้น มีจิตวิทยาในการลงทุนที่ถูกต้อง และทุกคนสามารถชนะตลาดหุ้น สำเร็จในตลาดหุ้นได้แน่นอน