ทุกยุคทุกสมัยผลลัพท์จากการลงทุน มักหอมหวานเสมอ โดยมีความเชื่อที่ว่าเล่นแล้วรวย เล่นแล้วมีเงินเยอะ แค่ใช้เงินต่อเงินก็มีรายได้แล้ว การที่จะทำแบบนั้นได้ในตลาด Forex หรือตลาดหุ้น ได้ ต้องมีปัจจัยหลายอย่างมากๆ และสิ่งที่สำคัญมากๆคือ ความเข้าใจเรื่องพื้นฐานก่อน โดยเฉพาะตลาด Forex ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในปัจจุบัน ผมเองมีแนวทางการเริ่มต้นเข้าสู่ตลาด Forex เพื่อให้คุณผู้อ่าน ได้เริ่มต้นได้ง่ายขึ้น ต่อยอดได้ง่ายขึ้นครับ
1. เข้าใจ Forex กันก่อน ว่า Forex คืออะไร
ตลาด Forex คือ ตลาดการแลกเปลี่ยนค่าเงิน ย่อมาจาก Foreign Exchange Market ซึ่งเป็นตลาดที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดในโลก (ประมาณ 5.5 ล้านล้านดอลลาห์สหรัฐ ต่อวัน) โดยเปิดทำการ 24 ชั่วโมงต่อวัน และเปิดให้ทำการซื้อขาย 5 วันต่อสัปดาห์ (หยุด เสาร์- อาทิตย์)
2. เข้าใจตัวเองก่อนว่ามีอุปนิสัยอย่างไร
ให้ลองกลับดูอุปนิสัยของตัวเองก่อนว่า เป็นคนแบบไหน ชอบการลงทุน และแบบรับความกดดันได้ขนาดไหน หรืเป็นคนที่ไม่ชอบดูกราฟ ไม่ชอบวิเคราะห์กราฟ ซึ่งการเทรด Forex ในปัจจุบันนั้น สามารถปรับรูปแบบการวางแผนการลงทุนให้เหมาะกับนิสัยของเราได้ไม่ยาก โดยรูปแบบหลักๆ จะมีอยู่ 4 รูปแบบ ซึ่งผู้อ่านเองสามารถปรับให้เข้ากับตนเองได้ (ส่วนตัวผมเองก็เป็นแบบ ผสมผสาน)
Scalper : เล่นสั้น เก็บเล็ก ผสมน้อย เน้นได้บ่อยๆ : นักเทรดที่ชอบลงทุนรูปแบบนี้ มักจะชอบดูกราฟเป็นประจำ หาจังหวะเข้าซื้อขายตลอดทั้งวัน โดยจะทำกำไรสั้นๆ ส่วนใหญ่จะจบรอบการลงทุนไม่นาน อาจจะ ภายใน 15-20 นาที หรือไม่เกิน ครึ่งวัน
Day Trader : เน้นจบวัน : นักเทรดที่มีรูปแบบการลงทุนให้จบภายใน 1 วัน จะไม่สะสมชุดคำสั่งซื้อข้ามวัน นักลงทุนแบบนี้จะมีการเรียกคือ นักเก็งกำไรระยะสั้น นั่นเอง
Swing Trader : เล่นตามรอบ จบตามเทรน : คือรูปแบบการลงทุนทิ่นิยมที่สุดในโลกในตอนนี้ ทั้งมือสมัครเล่นและมืออาชีพ โดยรูปแบบการลงทุนแบบนี้คือการรอรอบของเทรนด์ในตลาด โดยจะมีระยะการถือคำสั่งซื้อจนกว่าจะหมดเทรนด์ของตลาดในรอบรอบนั้น อาจจะนานหลายวัน โดยนักเทรดแบบนี้ จะรอคอยเมื่อมีจังหวะการเข้าซื้อขายที่เหมาะสมเท่านั้น
Position Trader : นักลงทุนระยะยาว : นักเทรดรูปแบบนี้ เป็นนักเทรดที่ค่อนข้างใจเย็น ไม่หวั่นไหวกับสภาวะตลาดง่ายๆ พวกเขาจะถือคำสั่งซื้อเป็นเวลานาน ตั้งแต่หลายวัน หรืออาจจะนานหลายเดือนไปจนถึงระดับปีก็ได้ (ถ้าตลาดเป็นใจ) ซึ่งผู้ที่เทรดลักษณะนี้ส่วนมากจะเป็นผู้ดูแลกองทุน (Hedge Fund) หรือธนาคาร แต่นักเทรดทั่วๆไปก็มีเหมือนกัน (ผมเองก็จัดการลงทุนแบบ Position ไว้ 1 บัญชีเหมือนกัน)
อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครบอกได้ว่า การเทรดแบบไหนดีที่สุด เพราะในแต่ละรูปแบบก็มีข้อดี-ข้อเสียแตกต่างกันไป ดังนั้น เลือกรูปแบบให้เหมาะกับนิสัยของเราเองดีที่สุดครับ
3. เข้าใจถึงบัญชีประเภทต่างๆที่ Broker มีให้
Broker Forex เกือบทุกแห่งที่เปิดให้บริการ มักจะมีประเภทของบัญชีให้สมัครเพื่อทำการลงทุนอยู่หลักๆ 3 แบบ
Demo Account เป็นบัญชีทดลอง (ควรเริ่มที่ตรงนี้) เพื่อให้สามารถเริ่มทดสอบการลงทุนในตลาด Forex ได้โดยใช้เงินจำลอง
Standard เป็นบัญชีเริ่มต้น (บาง Broker อาจจะใช้ชื่ออื่น แต่หลักการเหมือนกัน) โดยทาง Broker จะมีการรเก็บค่าธรรมเนียมเล็กน้อยในการเทรดแต่ละครั้ง
ECN เป็นบัญชีสำหรับนักลงทุน โดยจะมีการส่งคำสั่งซื้อไปยังธนาคารกลางโดยตรง ทำให้ออกคำสั่งซื้อได้รวดเร็วกว่า บัญชี Standard โดยทาง Broker จะมีการเก็บค่า Commission ในการเทรดแต่ละครั้ง
4. เข้าใจถึงหลักการทำกำไร “ที่แท้จริง” ของ ตลาด Forex
ผมอยากให้ผู้อ่านจำง่ายๆว่า การสร้างรายได้จากตลาด Forex มีอยู่ด้วยกัน หลักๆ 3 แบบ
รายได้จากการซื้อ-ขาย : เป็นรายได้โดยตรงของการเทรด Forex
รายได้จากการเป็นนายหน้า หรือตัวแทนให้กับ Broker (IB : Introducing Broker) : มีลักษณะแบบเดียวกับการทำการตลาดแบบ Affiliate โดยผู้ที่เป็น IB จะได้รายได้เล็กน้อยจากการแนะนำลูกค้าใหม่ให้กับ Broker
รายได้จากการขายสินค้าเกี่ยวกับ Forex : เช่นเขียน Robot หรือ Indicators มาขาย หรืออยู่ในรูปแบบของการขายสัญญาณการซื้อขายก็ได้
ทั้ง 4 เรื่อง เป็นเรื่องที่ต้องเข้าใจ ก่อนจะลงไปลุยในตลาด Forex ให้ถูกต้องนะครับ ซึ่งจะทำให้การเริ่มต้นทำได้ง่ายขึ้นมาก และสามารถปูรากฐานให้เป็นเทรดเดอร์มืออาชีพได้ในอนาคตครับ
