เทรด CFD สำหรับมือใหม่ ต้องรู้สิ่งนี้ แนะนำวิธีเทรด CFD ให้ทำกำไร และ เทรด CFD โบรกไหนดี
ในตลาดการเงินปัจจุบัน การซื้อขายสัญญาซื้อขายส่วนต่าง (CFD) ได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่เทรดเดอร์และนักลงทุนเนื่องจากความยืดหยุ่นและศักยภาพในการให้ผลตอบแทนสูง CFD ช่วยให้บุคคลทั่วไปสามารถเก็งกำไรเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของราคาของเครื่องมือทางการเงินต่างๆ เช่น หุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ ดัชนี และสกุลเงิน โดยไม่ต้องเป็นเจ้าของสินทรัพย์อ้างอิง คู่มือนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ภาพรวมที่ครอบคลุมของการเทรด CFD พื้นฐาน ซึ่งครอบคลุมแนวคิด กลยุทธ์ และเทคนิคการจัดการความเสี่ยงที่สำคัญ นอกจากนี้ เราขอแนะนำให้เปิดบัญชีซื้อขายใหม่ที่ Exness ซึ่งเป็นโบรกเกอร์ที่มีชื่อเสียงซึ่งเป็นที่รู้จักในด้านแพลตฟอร์มที่ใช้งานง่าย สเปรดที่แข่งขันได้ และการดำเนินการที่เชื่อถือได้
สารบัญ
- การเทรด CFD คืออะไร?
- ทำความเข้าใจกลไกการซื้อขาย CFD
- ข้อได้เปรียบที่สำคัญของการเทรด CFD
- คำศัพท์ที่จำเป็นในการเทรด CFD
- ปัจจัยที่ต้องพิจารณาก่อนเริ่มการซื้อขาย CFD
- การพัฒนากลยุทธ์การซื้อขาย CFD
- เทคนิคการบริหารความเสี่ยงในการเทรด CFD
- เทรด CFD โบรกไหนดี การเลือกโบรกเกอร์ CFD ที่เหมาะสม
- รีวิวโบรกเกอร์ Exness
- วิธีเปิดบัญชีใหม่ที่ Exness
- บทสรุป
การเทรด CFD คืออะไร?
การซื้อขาย CFD เกี่ยวข้องกับการทำสัญญาระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายเพื่อแลกเปลี่ยนส่วนต่างในราคาของสินทรัพย์อ้างอิงระหว่างการเปิดและปิดสัญญา ในฐานะเทรดเดอร์ คุณสามารถคาดเดาว่าราคาของสินทรัพย์จะเพิ่มขึ้น (เปิดสถานะ Long) หรือลดลง (เปิดสถานะ Short) โดยไม่ต้องเป็นเจ้าของสินทรัพย์จริง CFD มอบความยืดหยุ่น ให้คุณซื้อขายตราสารทางการเงินหลายรายการได้จากแพลตฟอร์มเดียว
ทำความเข้าใจกลไกการซื้อขาย CFD
ในการเทรด CFD คุณทำสัญญากับโบรกเกอร์ที่ทำหน้าที่เป็นคู่สัญญา มูลค่าของสัญญาขึ้นอยู่กับการเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์อ้างอิง เมื่อคุณเปิดตำแหน่ง CFD คุณสามารถเปิดสถานะซื้อ (ซื้อ) หรือเปิดสถานะสั้น (ขาย) ตามแนวโน้มตลาดของคุณ หากตลาดเคลื่อนไหวไปในทิศทางที่คุณต้องการ คุณสามารถปิดตำแหน่งและรับผลกำไรได้ ในทางกลับกัน หากตลาดเคลื่อนไหวสวนทางกับคุณ คุณอาจขาดทุน
ข้อได้เปรียบที่สำคัญของการเทรด CFD
เลเวอเรจ: CFD ช่วยให้เทรดเดอร์ขยายความเสี่ยงในตลาดได้โดยใช้เลเวอเรจ หมายความว่าคุณสามารถซื้อขายตำแหน่งที่ใหญ่ขึ้นด้วยเงินทุนที่น้อยลง อย่างไรก็ตาม เลเวอเรจสามารถเพิ่มทั้งกำไรและขาดทุน ดังนั้นควรใช้อย่างรอบคอบ
การเข้าถึงตลาดที่หลากหลาย: CFD ให้การเข้าถึงตลาดที่หลากหลาย รวมถึงหุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ ดัชนี และสกุลเงิน สิ่งนี้ทำให้ผู้ค้าสามารถกระจายพอร์ตการลงทุนและใช้ประโยชน์จากโอกาสทางการตลาดที่หลากหลาย
การขายชอร์ต: แตกต่างจากการลงทุนแบบดั้งเดิม การเทรด CFD ช่วยให้เทรดเดอร์ได้กำไรจากราคาที่ลดลงโดยการเปิดชอร์ต สิ่งนี้ให้ความยืดหยุ่นในการใช้ประโยชน์จากตลาดทั้งขาขึ้นและขาลง
ไม่มีการเป็นเจ้าของสินทรัพย์อ้างอิง: ด้วยการซื้อขาย CFD คุณไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าของสินทรัพย์อ้างอิง ซึ่งช่วยลดความซับซ้อนที่เกี่ยวข้องกับความเป็นเจ้าของทางกายภาพ เช่น ค่าจัดเก็บและค่าบำรุงรักษา
ความยืดหยุ่นในการเทรด: CFD ให้ความสามารถในการเทรดบนมาร์จิ้น เทรด long หรือ short และเข้าถึงตลาดได้ตลอด 24/5 ความยืดหยุ่นนี้ช่วยให้เทรดเดอร์ตอบสนองต่อสภาวะตลาดได้อย่างรวดเร็วและใช้ประโยชน์จากความผันผวนของราคาในระยะสั้น
เทรด CFD สำหรับมือใหม่ คำศัพท์ที่จำเป็นในการเทรด CFD
เพื่อนำทางสู่โลกแห่งการซื้อขาย CFD อย่างมีประสิทธิภาพ สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจคำศัพท์สำคัญ เช่น:
ราคา Bid และ Ask: ราคา Bid คือราคาที่คุณสามารถขาย CFD ได้ ในขณะที่ราคา Ask คือราคาที่คุณสามารถซื้อได้ ส่วนต่างระหว่างราคาเสนอซื้อและราคาเสนอขายเรียกว่าสเปรด ซึ่งแสดงถึงต้นทุนในการเข้าซื้อขาย
มาร์จิ้น: มาร์จิ้นหมายถึงจำนวนเงินที่ต้องใช้ในการเปิดและรักษาตำแหน่ง CFD เป็นเปอร์เซ็นต์ของมูลค่าการค้าทั้งหมดและอนุญาตให้ผู้ค้าเข้าถึงตำแหน่งที่มีเลเวอเรจ
คำสั่งหยุดการขาดทุน: คำสั่งหยุดการขาดทุนเป็นเครื่องมือการจัดการความเสี่ยงที่จะปิดตำแหน่งโดยอัตโนมัติเมื่อตลาดถึงระดับราคาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ช่วยจำกัดการสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นโดยการออกจากการค้าก่อนที่การสูญเสียจะเกินเกณฑ์ที่กำหนด
คำสั่ง Take Profit: คำสั่ง Take Profit เป็นคำสั่งให้ปิดสถานะเมื่อตลาดถึงระดับราคาที่กำหนด ช่วยให้ผู้ค้าสามารถรักษาผลกำไรโดยการปิดการซื้อขายโดยอัตโนมัติเมื่อถึงเป้าหมายกำไรที่ต้องการ
การจัดหาเงินทุนข้ามคืน: การจัดหาเงินทุนข้ามคืน หรือที่เรียกว่าค่าธรรมเนียม swap หรือโรลโอเวอร์ คือต้นทุนหรือดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นสำหรับการถือครองตำแหน่ง CFD ในชั่วข้ามคืน ซึ่งคำนวณจากขนาดของตำแหน่งและอัตราดอกเบี้ยที่เกี่ยวข้อง
ปัจจัยที่ต้องพิจารณาก่อนเริ่มเทรด CFD สำหรับมือใหม่
ก่อนที่จะดำดิ่งสู่การซื้อขาย CFD สิ่งสำคัญคือต้องพิจารณาปัจจัยต่อไปนี้:
ความรู้ด้านตลาด: ทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้เกี่ยวกับตลาดการเงินและตราสารเฉพาะที่คุณต้องการซื้อขาย ติดตามข่าวตลาด ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจ และปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการเคลื่อนไหวของราคา
ความเสี่ยงที่ยอมรับได้: ประเมินความเสี่ยงที่ยอมรับได้และกำหนดเป้าหมายการซื้อขายของคุณตามนั้น สร้างความเข้าใจที่ชัดเจนเกี่ยวกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขาย CFD และตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเสี่ยงเฉพาะเงินกองทุนที่คุณสามารถจะเสียได้
แผนการเทรด: พัฒนาแผนการเทรดที่ชัดเจนซึ่งสรุปกลยุทธ์การเทรด แนวทางการจัดการความเสี่ยง และเป้าหมายของคุณ ยึดมั่นในแผนของคุณและหลีกเลี่ยงการตัดสินใจหุนหันพลันแล่นตามอารมณ์
การศึกษาและการวิจัย: หาความรู้อย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับการซื้อขาย CFD โดยการอ่านหนังสือ เข้าร่วมการสัมมนาผ่านเว็บ และเข้าถึงแหล่งข้อมูลทางการศึกษาที่จัดทำโดยโบรกเกอร์ ทำการวิจัยอย่างละเอียดเกี่ยวกับตราสารทางการเงินที่คุณวางแผนจะซื้อขาย
การวิเคราะห์ทางเทคนิคและปัจจัยพื้นฐาน: ทำความคุ้นเคยกับเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคและตัวบ่งชี้เพื่อระบุการตั้งค่าการค้าที่เป็นไปได้ นอกจากนี้ ทำความเข้าใจการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานเพื่อประเมินปัจจัยทางเศรษฐกิจที่มีอิทธิพลต่อตลาด
การพัฒนากลยุทธ์การซื้อขาย CFD
กลยุทธ์การซื้อขาย CFD ที่ประสบความสำเร็จควรประกอบด้วยองค์ประกอบต่อไปนี้:
การวิเคราะห์ตลาด: วิเคราะห์สภาวะตลาดโดยใช้การผสมผสานระหว่างการวิเคราะห์ทางเทคนิคและปัจจัยพื้นฐาน ระบุแนวโน้ม แนวรับและแนวต้าน และรูปแบบราคาที่สำคัญเพื่อทำการตัดสินใจซื้อขายอย่างชาญฉลาด
จุดเข้าและออก: กำหนดจุดเข้าและออกที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการเทรดของคุณตามการวิเคราะห์ของคุณ ใช้ตัวบ่งชี้ รูปแบบแผนภูมิ และสัญญาณการเคลื่อนไหวของราคาเพื่อระบุระดับการเข้าและออกที่เป็นไปได้
การบริหารความเสี่ยง: ใช้กลยุทธ์การบริหารความเสี่ยงที่แข็งแกร่งเพื่อปกป้องเงินทุนของคุณ ซึ่งรวมถึงการตั้งค่าระดับการหยุดการขาดทุนที่เหมาะสม ขนาดตำแหน่ง และการหลีกเลี่ยงการเปิดรับมากเกินไปในการเทรดครั้งเดียว
การกระจายความเสี่ยง: กระจายความเสี่ยงของคุณด้วยการซื้อขายเครื่องมือทางการเงินและสินทรัพย์ประเภทต่างๆ การกระจายความเสี่ยงช่วยลดผลกระทบของการขาดทุนจากการเทรดแต่ละรายการหรือภาคส่วน
การประเมินและการปรับตัวเป็นประจำ: ประเมินประสิทธิภาพของกลยุทธ์การซื้อขายของคุณอย่างต่อเนื่องและทำการปรับเปลี่ยนที่จำเป็น ปรับตัวอยู่เสมอและเปิดกว้างเพื่อปรับแต่งแนวทางของคุณตามสภาวะตลาด
เทคนิคการบริหารความเสี่ยงในการเทรด CFD
การจัดการความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญในการเทรด CFD เพื่อปกป้องเงินทุนของคุณและลดความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้น ต่อไปนี้เป็นเทคนิคการบริหารความเสี่ยงที่สำคัญ:
Position Sizing: กำหนดขนาดตำแหน่งที่เหมาะสมสำหรับการซื้อขายแต่ละครั้งโดยพิจารณาจากความเสี่ยงที่ยอมรับได้และยอดคงเหลือในบัญชีของคุณ หลีกเลี่ยงการเสี่ยงกับส่วนสำคัญของเงินทุนของคุณในการเทรดเพียงครั้งเดียว
คำสั่งหยุดการขาดทุน: กำหนดคำสั่งหยุดการขาดทุนเสมอเพื่อจำกัดการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้น วางจุดหยุดการขาดทุนที่ระดับที่ยอมให้เกิดความผันผวนของตลาดในขณะที่ยังคงปกป้องเงินทุนของคุณจากการเบิกจ่ายที่มากเกินไป
คำสั่ง Take Profit: กำหนดเป้าหมายผลกำไรที่เป็นจริงและใช้คำสั่ง Take Profit เพื่อปิดตำแหน่งที่ทำกำไรโดยอัตโนมัติ สิ่งนี้จะช่วยรักษาผลกำไรและหลีกเลี่ยงการล่อลวงให้ดำรงตำแหน่งนานเกินไป ซึ่งอาจทำให้ตลาดเกิดการพลิกกลับได้
อัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน: ประเมินอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนของการซื้อขายแต่ละครั้งก่อนเข้าร่วม ตั้งเป้าหมายในการเทรดด้วยอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนที่ดี โดยที่กำไรที่เป็นไปได้มีมากกว่าการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้น
การใช้เลเวอเรจ: ระมัดระวังเมื่อใช้เลเวอเรจ เนื่องจากสามารถเพิ่มทั้งกำไรและขาดทุนได้ ใช้เลเวอเรจอย่างรอบคอบและหลีกเลี่ยงการเปิดเผยบัญชีซื้อขายของคุณมากเกินไป
การกระจายความเสี่ยง: กระจายความเสี่ยงของคุณไปยังตลาด ตราสาร และภาคส่วนต่างๆ การกระจายความเสี่ยงช่วยลดผลกระทบของการเคลื่อนไหวของตลาดที่ไม่เอื้ออำนวยต่อพอร์ตโฟลิโอโดยรวมของคุณ
รับทราบข่าวสารอยู่เสมอ: ติดตามข่าวสารการตลาด เหตุการณ์ทางเศรษฐกิจ และปัจจัยใดๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อตราสารที่คุณซื้อขาย สิ่งนี้ทำให้คุณสามารถตัดสินใจได้อย่างรอบรู้และปรับตำแหน่งของคุณให้เหมาะสม
เทรด CFD โบรกไหนดี การเลือกโบรกเกอร์ CFD ที่เหมาะสม
การเลือกโบรกเกอร์ CFD ที่น่าเชื่อถือและมีชื่อเสียงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับประสบการณ์การซื้อขายที่ประสบความสำเร็จ พิจารณาปัจจัยต่อไปนี้เมื่อเลือกโบรกเกอร์ CFD:
ข้อบังคับและใบอนุญาต: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าโบรกเกอร์ได้รับการควบคุมโดยหน่วยงานทางการเงินที่มีชื่อเสียง กฎระเบียบจะเพิ่มการป้องกันอีกชั้นหนึ่งสำหรับเงินทุนของคุณ และรับประกันแนวทางปฏิบัติในการซื้อขายที่ยุติธรรม
แพลตฟอร์มการซื้อขาย: ประเมินแพลตฟอร์มการซื้อขายของโบรกเกอร์ในด้านความเป็นมิตรต่อผู้ใช้ ฟังก์ชันการทำงาน และความน่าเชื่อถือ แพลตฟอร์มควรมีเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิค แผนภูมิที่ปรับแต่งได้ และข้อมูลตลาดแบบเรียลไทม์
การเลือกสินทรัพย์: ตรวจสอบช่วงของเครื่องมือทางการเงินที่มีอยู่ของโบรกเกอร์ ตามหลักการแล้ว โบรกเกอร์ควรเสนอตลาดที่หลากหลาย รวมถึงหุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ ดัชนี และสกุลเงิน
สเปรดและค่าคอมมิชชัน: เปรียบเทียบค่าสเปรดและค่าคอมมิชชันที่เสนอโดยโบรกเกอร์ต่างๆ สเปรดที่ต่ำกว่าและอัตราค่าคอมมิชชั่นที่เหมาะสมสามารถส่งผลกระทบอย่างมากต่อต้นทุนการซื้อขายและผลกำไรของคุณ
ฝ่ายสนับสนุนลูกค้า: พิจารณาคุณภาพและการตอบสนองของฝ่ายสนับสนุนลูกค้าของโบรกเกอร์ การบริการลูกค้าที่มีประสิทธิภาพเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการแก้ไขปัญหาหรือข้อสงสัยในทันที
แหล่งข้อมูลด้านการศึกษา: มองหาโบรกเกอร์ที่นำเสนอทรัพยากรด้านการศึกษา เช่น การสัมมนาผ่านเว็บ บทช่วยสอน และการวิเคราะห์ตลาด แหล่งข้อมูลเหล่านี้สามารถเพิ่มพูนความรู้และทักษะการเทรดของคุณได้
รีวิวโบรกเกอร์ Exness
Exness เป็นโบรกเกอร์ออนไลน์ที่มีชื่อเสียงที่ให้บริการซื้อขาย CFD แก่ลูกค้าทั่วโลก ต่อไปนี้เป็นคุณสมบัติหลักบางประการของ Exness:
ระเบียบข้อบังคับ: Exness ได้รับการควบคุมโดยหน่วยงานทางการเงินที่น่าเชื่อถือ รวมถึง Financial Conduct Authority (FCA) ในสหราชอาณาจักรและ Cyprus Securities and Exchange Commission (CySEC) สิ่งนี้ทำให้มั่นใจได้ถึงการปฏิบัติตามมาตรฐานการกำกับดูแลที่เข้มงวด
แพลตฟอร์มการเทรด: Exness ให้บริการแพลตฟอร์มการเทรดที่เป็นมิตรกับผู้ใช้ รวมถึง MetaTrader 4 (MT4) และ MetaTrader 5 (MT5) แพลตฟอร์มเหล่านี้นำเสนอเครื่องมือสร้างแผนภูมิขั้นสูง ตัวบ่งชี้ทางเทคนิค และความสามารถในการซื้อขายอัตโนมัติ
การเข้าถึงตลาด: ผู้ค้าสามารถเข้าถึงตลาดได้หลากหลาย รวมถึงฟอเร็กซ์ สินค้าโภคภัณฑ์ ดัชนี และสกุลเงินดิจิทัลผ่าน Exness ซึ่งช่วยให้มีโอกาสในการซื้อขายที่หลากหลาย
สเปรดที่แข่งขันได้: Exness นำเสนอสเปรดที่แข่งขันได้ เพื่อให้มั่นใจว่าการซื้อขายที่คุ้มค่าสำหรับลูกค้า สเปรดที่แคบช่วยลดต้นทุนการซื้อขายและเพิ่มผลกำไรที่อาจเกิดขึ้น
ตัวเลือกเลเวอเรจ: Exness มีตัวเลือกเลเวอเรจที่ยืดหยุ่น ช่วยให้เทรดเดอร์ปรับแต่งสถานะการซื้อขายตามความเสี่ยงที่ยอมรับได้ อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องใช้ความระมัดระวังเมื่อใช้เลเวอเรจ
ประเภทบัญชี: Exness นำเสนอประเภทบัญชีที่แตกต่างกันเพื่อตอบสนองความต้องการของเทรดเดอร์ต่างๆ รวมถึงบัญชี Standard, Raw Spread และ Pro บัญชีแต่ละประเภทมีคุณสมบัติและเงื่อนไขการซื้อขายเฉพาะ
การสนับสนุนลูกค้า: Exness มีทีมสนับสนุนลูกค้าที่พร้อมตอบสนองตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน ผู้ค้าสามารถติดต่อทีมสนับสนุนผ่านหลายช่องทาง รวมถึงแชทสด อีเมล และโทรศัพท์
วิธีเปิดบัญชีใหม่ที่ Exness
หากต้องการเปิดบัญชีซื้อขายใหม่ที่ Exness ให้ทำตามขั้นตอนง่ายๆ เหล่านี้:
เยี่ยมชมเว็บไซต์ Exness และคลิกที่ปุ่ม “เปิดบัญชี” หรือ “ลงทะเบียน”
กรอกข้อมูลที่จำเป็น รวมถึงชื่อ ที่อยู่อีเมล ประเทศที่พำนัก และประเภทบัญชีที่ต้องการ
เลือกระดับเลเวอเรจและสกุลเงินฐานที่คุณต้องการสำหรับบัญชีของคุณ
ดำเนินการตามขั้นตอนการตรวจสอบโดยจัดเตรียมเอกสารที่จำเป็น เช่น หลักฐานยืนยันตัวตนและที่อยู่ ตามมาตรฐานการกำกับดูแล
เมื่อบัญชีของคุณได้รับการอนุมัติและตรวจสอบแล้ว คุณสามารถเติมเงินในบัญชีซื้อขายของคุณโดยใช้วิธีการฝากเงินที่มีอยู่ เช่น การโอนเงินผ่านธนาคาร บัตรเครดิต/เดบิต หรือกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์
ทำความคุ้นเคยกับแพลตฟอร์มการซื้อขายที่นำเสนอโดย Exness เช่น MT4 หรือ MT5 สำรวจคุณลักษณะ เครื่องมือ และตัวเลือกต่างๆ ที่มีให้สำหรับดำเนินการซื้อขาย
ก่อนที่คุณจะเริ่มซื้อขาย ลองพิจารณาฝึกฝนด้วยบัญชีทดลองที่ Exness จัดหาให้ สิ่งนี้ช่วยให้คุณคุ้นเคยกับแพลตฟอร์มการซื้อขายและทดสอบกลยุทธ์ของคุณในสภาพแวดล้อมที่ปราศจากความเสี่ยง
พัฒนาแผนการเทรด ตั้งค่าพารามิเตอร์การจัดการความเสี่ยง และเริ่มเทรดด้วยเงินจริงเมื่อคุณรู้สึกมั่นใจและเตรียมพร้อม
สรุป
การซื้อขาย CFD เปิดโอกาสให้บุคคลทั่วไปมีส่วนร่วมในการซื้อขายเก็งกำไรในตลาดการเงินต่างๆ ด้วยการทำความเข้าใจแนวคิดพื้นฐาน การพัฒนากลยุทธ์การซื้อขายที่เหมาะสม และใช้เทคนิคการจัดการความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ ผู้ค้าสามารถเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จได้ นอกจากนี้ การเลือกโบรกเกอร์ที่เชื่อถือได้และมีชื่อเสียง เช่น Exness เป็นสิ่งสำคัญสำหรับประสบการณ์การซื้อขายที่ดี
Exness ให้บริการแพลตฟอร์มที่ใช้งานง่าย สเปรดที่แข่งขันได้ และตราสารการซื้อขายที่หลากหลาย เมื่อเปิดบัญชีซื้อขายใหม่ที่ Exness และปฏิบัติตามแนวทางที่แนะนำในคู่มือนี้ ผู้ค้าสามารถเริ่มต้นเส้นทางการซื้อขาย CFD ของตนได้อย่างมั่นใจ อย่าลืมหาความรู้ให้ตัวเองอย่างต่อเนื่อง ปรับตัวให้เข้ากับสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลง และเข้าหาการซื้อขายอย่างมีวินัยและความระมัดระวัง