รีวิวการลงทุนในทองคำดิจิทัลข้อดีข้อเสียที่ต้องรู้ก่อนลงทุน
รีวิวการลงทุนในทองคำดิจิทัลในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในทุกด้านของชีวิตประจำวัน การลงทุนก็เช่นกัน “ทองคำดิจิทัล” ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นจากนักลงทุนหลากหลายกลุ่ม ซึ่งการลงทุนในทองคำไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับคนไทย แต่การปรับใช้เทคโนโลยีเพื่อการลงทุนในรูปแบบดิจิทัลนั้นเป็นสิ่งที่ค่อนข้างใหม่ และมีความสำคัญมากขึ้นในยุคปัจจุบัน ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่ามั่นคง ซึ่งคนทั่วไปคุ้นเคยกันดี แต่สำหรับ “ทองคำดิจิทัล” การตัดสินใจลงทุนอาจจะไม่ง่ายอย่างที่คิด
ในบทความนี้ เราจะมาสำรวจข้อดีและข้อเสียของการลงทุนในทองคำดิจิทัลที่คนไทยควรรู้ก่อนที่จะตัดสินใจลงเงิน
ความหมายของทองคำดิจิทัล
ทองคำดิจิทัล (Digital Gold) คือการลงทุนในทองคำผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล โดยผู้ลงทุนสามารถซื้อขายและเก็บรักษาทองคำได้ในรูปแบบดิจิทัลโดยไม่ต้องถือทองคำทางกายภาพ การทำธุรกรรมนี้ส่วนใหญ่มักจะเกิดขึ้นผ่านแอปพลิเคชันหรือแพลตฟอร์มออนไลน์ของบริษัทที่ให้บริการ ซึ่งทำให้การลงทุนในทองคำกลายเป็นเรื่องง่ายและเข้าถึงได้มากขึ้น
นักลงทุนสามารถซื้อทองคำในปริมาณเล็ก ๆ ได้ตามที่ต้องการ เช่น แค่เพียง 0.1 กรัม ซึ่งต่างจากการซื้อทองคำแบบกายภาพที่ต้องซื้อขั้นต่ำ 1 บาททองคำ (ประมาณ 15.244 กรัม) ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้กับนักลงทุนรายย่อยที่มีทุนน้อยได้ร่วมลงทุน
ข้อดีของการลงทุนในทองคำดิจิทัล
ความสะดวกสบายและเข้าถึงง่าย
การซื้อขายทองคำผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลนั้นมีความสะดวกสบายเป็นอย่างมาก นักลงทุนสามารถซื้อขายได้ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง โดยไม่ต้องเดินทางไปที่ร้านทองหรือบริษัทจัดการทองคำ การดำเนินการทุกอย่างสามารถทำได้ผ่านสมาร์ทโฟนหรือคอมพิวเตอร์ เพียงแค่มีอินเทอร์เน็ต
นอกจากนี้ นักลงทุนยังสามารถติดตามราคาทองคำได้แบบเรียลไทม์ ทำให้สามารถตัดสินใจซื้อขายได้ทันทีตามความต้องการ การทำธุรกรรมทั้งหมดเกิดขึ้นภายในไม่กี่วินาที ซึ่งต่างจากการซื้อขายทองคำจริงที่อาจต้องใช้เวลานานกว่าจะได้รับทองคำหรือชำระเงิน
ต้นทุนการลงทุนต่ำ
การลงทุนในทองคำดิจิทัลนั้นไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บหรือการประกันภัยเหมือนกับการเก็บทองคำกายภาพ ซึ่งปกติการเก็บทองคำต้องใช้ที่เก็บที่ปลอดภัย เช่น ตู้เซฟธนาคารหรือเซฟส่วนตัว แต่ทองคำดิจิทัลถูกเก็บรักษาโดยผู้ให้บริการแพลตฟอร์มที่มีระบบรักษาความปลอดภัยที่มีมาตรฐานสูง นักลงทุนจึงไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัย
ความสามารถในการลงทุนในปริมาณที่น้อย
ทองคำดิจิทัลเปิดโอกาสให้นักลงทุนสามารถซื้อทองคำได้แม้ในปริมาณเล็ก ๆ ซึ่งแตกต่างจากการซื้อทองคำกายภาพที่มักมีข้อกำหนดขั้นต่ำ เช่น การซื้อ 1 บาททองคำ แต่ทองคำดิจิทัลนั้นสามารถซื้อได้แม้เพียง 0.1 กรัม ทำให้เหมาะสำหรับนักลงทุนรายย่อยที่อาจมีงบประมาณจำกัด
การขายง่ายและสะดวก
การขายทองคำดิจิทัลนั้นสามารถทำได้ทันทีและเป็นเรื่องง่าย นักลงทุนนั้นสามารถทำการขายได้ในราคาที่ตรงตามราคาทองคำในขณะนั้นโดยไม่มีความเสี่ยงในการขาดทุนเนื่องจากต้องขายในราคาที่ต่ำกว่าราคาตลาดเช่นทองคำกายภาพ และเมื่อทำการขาย ระบบจะทำการโอนเงินเข้าบัญชีผู้ขายในเวลารวดเร็ว
ข้อเสียของการลงทุนในทองคำดิจิทัล
การไม่ถือครองทองคำทางกายภาพ
สำหรับนักลงทุนบางกลุ่ม การถือครองทองคำกายภาพมีคุณค่าทางจิตใจมากกว่าการถือครองในรูปแบบดิจิทัล ทองคำกายภาพยังสามารถนำไปใช้งานได้ เช่น การสวมใส่เป็นเครื่องประดับ หรือเก็บรักษาเป็นสินทรัพย์ทางกายภาพที่จับต้องได้ ซึ่งในทองคำดิจิทัลนั้นไม่สามารถทำได้
ค่าธรรมเนียมแพลตฟอร์ม
ถึงแม้ว่าการลงทุนในทองคำดิจิทัลจะไม่มีค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาทองคำ แต่แพลตฟอร์มดิจิทัลส่วนใหญ่จะมีการคิดค่าธรรมเนียมการซื้อขาย ซึ่งอาจจะเป็นเปอร์เซ็นต์จากมูลค่าการซื้อขาย หรือค่าธรรมเนียมการโอนออก ดังนั้นนักลงทุนควรตรวจสอบค่าธรรมเนียมให้ดีว่าเป็นจำนวนเท่าไร เพื่อป้องกันการเสียค่าใช้จ่ายที่เกินความจำเป็น
ความเสี่ยงจากแพลตฟอร์ม
การลงทุนในทองคำดิจิทัลนั้น นักลงทุนต้องพึ่งพาแพลตฟอร์มดิจิทัลเป็นหลัก ซึ่งหากเกิดปัญหาเกี่ยวกับระบบหรือแพลตฟอร์มล้มละลาย อาจส่งผลกระทบต่อการถือครองทองคำของผู้ลงทุนได้ ถึงแม้แพลตฟอร์มจะมีระบบความปลอดภัยและการประกันทองคำ แต่ความเสี่ยงจากการล้มละลายหรือการทุจริตก็ยังเป็นสิ่งที่นักลงทุนควรพิจารณา
การแปรเปลี่ยนเป็นทองคำกายภาพอาจมีค่าใช้จ่าย
การแปลงทองคำดิจิทัลให้เป็นทองคำกายภาพเพื่อการถือครองนั้นอาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เช่น ค่าแปลงสินทรัพย์ ค่าจัดส่งทองคำ รวมถึงค่าประกัน ดังนั้นนักลงทุนที่ต้องการถือครองทองคำกายภาพในอนาคตอาจต้องพิจารณาในส่วนนี้เป็นพิเศษ
แพลตฟอร์มทองคำดิจิทัลในประเทศไทย
ในประเทศไทย มีแพลตฟอร์มการลงทุนในทองคำดิจิทัลหลากหลายที่กำลังเป็นที่นิยม ตัวอย่างเช่น:
• Hua Seng Heng: บริษัทผู้จำหน่ายทองคำชื่อดังในประเทศไทย ได้เปิดตัวแอปพลิเคชันซื้อขายทองคำผ่านระบบออนไลน์ที่เรียกว่า “Hua Seng Heng Gold Wallet” ที่นักลงทุนสามารถซื้อขายทองคำได้อย่างง่ายดาย และยังสามารถเลือกที่จะแลกทองคำดิจิทัลให้เป็นทองคำกายภาพได้หากต้องการ
• MTS Gold: อีกหนึ่งแพลตฟอร์มที่เป็นที่นิยมในประเทศไทย โดยบริษัทนี้ให้บริการทั้งการซื้อขายทองคำกายภาพและทองคำดิจิทัล นักลงทุนสามารถทำการซื้อขายได้ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง
• InterGold: แพลตฟอร์มการซื้อขายทองคำดิจิทัลที่เน้นความปลอดภัยและความสะดวกในการทำธุรกรรม มีการอัปเดตราคาทองคำแบบเรียลไทม์และเปิดโอกาสให้นักลงทุนสามารถทำกำไรจากการซื้อขายได้ง่าย
สรุป
ทองคำดิจิทัลเป็นทางเลือกการลงทุนที่น่าสนใจและมีศักยภาพสูงในยุคดิจิทัล โดยเฉพาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการความสะดวกสบายและสามารถซื้อขายได้ตลอดเวลา อย่างไรก็ตาม การลงทุนในทองคำดิจิทัลก็ยังมีข้อเสียที่ต้องพิจารณา เช่น ความเสี่ยงจากการใช้แพลตฟอร์มและค่าธรรมเนียมต่าง ๆ
นักลงทุนควรทำการศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดก่อนการลงทุน และเลือกแพลตฟอร์มที่มีความน่าเชื่อถือ รวมถึงควรคำนึงถึงแผนการลงทุนในระยะยาวเพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากการลงทุนในทองคำดิจิทัลได้อย่างเต็มที่