ในช่วงไม่กี่ปีหลังมานี้ในแวดวงธุรกิจของโลกมีปรากฏชื่อของนักธุรกิจสัญชาติจีนขึ้นมาโลดแล่นอยู่มากมายหลายคน โดยแต่ละคนก็มีประวัติความเป็นมาและความสำเร็จที่น่าสนใจไม่น้อยและเป็นพิมพ์เขียวที่ควรค่าแก่การเรียนรู้ สำหรับแวดวงธุรกิจสื่อสาร ชื่อหนึ่งที่มักถูกพูดถึงอยู่เสมอย่อมหนีไม่พ้นชื่อของ Pony Ma เจ้าพ่อธุรกิจสื่อสารผู้ก่อตั้งบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Tencent และเป็นอีกหนึ่งนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อยซึ่งเราจะมาถอดรหัสความสำเร็จของเขาคนนี้กันในบทความนี้
ประวัติ Pony Ma ความชอบไอทีคือจุดกำเนิดของความสำเร็จ
Ma Huateng อาจไม่ใช่ชื่อที่คนทั่วไปรู้จัก แต่สำหรับชื่ออย่างเป็นทางการที่เรารู้จักกันก็คือ Pony Ma โดยคำว่า Pony ก็คือชื่อที่มีความหมายตรงกับคำว่า Huateng ในภาษาจีนหรือก็ความหมายว่า “ม้า” นั่นเอง Pony Ma เกิดในปี 1971 ที่มณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน
เขาเป็นคนที่ชอบวิชาวิทยาศาสตร์มาตั้งแต่เด็ก เมื่อเข้าศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัยเขาจึงเลือกที่จะเรียนต่อในสาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ที่มหาวิทยาลัยเซินเจิ้นในปี 1989 และเรียนจบในปี 1993
ความสามารถด้านไอทีของเขาฉายแววตั้งแต่ในช่วงที่ยังเรียนอยู่ในระดับมหาวิทยาลัยเมื่อเขาทำการแฮ็คเข้าระบบคอมพิวเตอร์ของมหาวิทยาลัยและทำการล็อคฮาร์ดไดร์ฟเอาไว้จนทำให้แม้แต่ผู้ที่ควบคุมระบบไอทีของมหาวิทยาลัยก็ยังไม่สามารถเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์ได้
หลังจากเรียนจบ Pony Ma เริ่มต้นการทำงานครั้งแรกที่บริษัท China Motion Telecom Development ซึ่งเป็นบริษัทที่ดำเนินการผลิตและจัดจำหน่ายระบบโทรคมนาคม โดยตำแหน่งแรกของเขาคือผู้พัฒนา software สำหรับวิทยุติดตามตัว โดยระบบที่เขารับผิดชอบนี้เป็นส่วนหนึ่งของระบบที่ทางบริษัทพัฒนาให้กับรัฐบาลจีนโดยตรง ต่อมาเขาจึงเข้าทำงานที่บริษัท Shenzhen Runxun Communications ในด้านการวิจัยและพัฒนาระบบบริการโทรศัพท์ทางอินเทอร์เน็ต
เริ่มต้นมองเห็นโอกาสที่จะสร้างตัวเองให้ประสบความสำเร็จ
เพราะงานในบริษัทใหม่นี้เองทำให้เขาให้ความสนใจในเรื่องของการพัฒนาระบบอินเทอร์เน็ตและจากการวิจัยเก็บข้อมูลมาระยะหนึ่ง Pony Ma จึงได้ข้อสรุปว่าประเทศจีนมีความพร้อมที่จะให้บริการ IM หรือ Instant messenger ซึ่งเป็นบริการส่งข้อความทางอินเทอร์เน็ต เขาจึงตัดสินใจที่จะก่อตั้งบริษัท Tencent ขึ้นมาในปี 1998 โดยมุ่งเน้นไปที่การให้บริการวางระบบคอมพิวเตอร์และเครือข่ายสำหรับองค์กรเป็นหลักร่วมกับเพื่อนของเขาอีก 4 คนคือ Zhang Zhidong, Xu Chenye, Chen Yidan และ Zeng Liqing
การเริ่มต้นธุรกิจในปีแรกนั้นไม่ง่ายเลยเพราะเต็มไปด้วยปัญหามากมายที่คอยให้เขาต้องทำการแก้ไขไม่ว่าจะเป็นพนักงานที่ขาดประสบการณ์ ปัญหาทางการเงิน ซึ่งสุดท้ายเขาได้ทำการปรับกลยุทธ์ใหม่และทำให้ Tencent เริ่มเติบโตในปี 2001
หลังจากที่บริษัทเพิ่มจำนวนพนักงานและมีเงินลงทุนจากต่างชาติเข้ามา Tencent จึงเริ่มต้นให้บริการส่งข้อความทางอินเทอร์เน็ตหรือที่รู้จักกันในชื่อโปรแกรม QQ โดยบริการนี้สามารถสร้างผลกำไรให้กับบริษัทได้สำเร็จ
ในปี 2004 Pony Ma สามารถผลักดันจนทำให้ Tencent กลายเป็นผู้ให้บริการส่งข้อความรายใหญ่ของจีนโดยครองส่วนแบ่งการตลาดถึง 74% ต่อมาเขาจึงนำเอาบริษัทเข้าจดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงและเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนในเดือนมิถุนายนปี 2004 นั้นเอง
ไม่หยุดพัฒนาและต่อยอดขยายธุรกิจให้เติบโต
แม้ว่าจะประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากกับบริการส่งข้อความทันใจ แต่ Pony Ma ก็ยังไม่หยุดการพัฒนาและการต่อยอดธุรกิจของตนเอง โดยในปี 2008 Pony Ma ได้นำพา Tencent บุกตลาดเกมส์ออนไลน์ โดยช่องทางรายได้ของธุรกิจก็คือการขายไอเทมในเกมส์ รวมถึงตัวของผลิตภัณฑ์เกมส์ต่าง ๆ โดยพาร์ทเนอร์ที่สำคัญก็คือ Riot Games และ CJ Games เป็นต้น
อีกหนึ่งการเติบโตที่สำคัญของ Tencent ภายใต้การนำของ Pony Ma เกิดขึ้นในปี 2011 ที่มีการพัฒนาแอปพลิเคชั่นอย่าง WeChat ขึ้นมา ภายใต้ผู้ใช้งานกว่า 1 พันล้านคนในปัจจุบันนี้ WeChat ขยายขอบเขตการให้บริการครอบคลุมไปถึงบริการชำระเงิน WeChat Pay บริการซื้อสินค้าออนไลน์ บริการสั่งอาหาร เรียกแท็กซี่และบริการโอนเงินเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้บริการนั่นเอง
ในปี 2015 ทาง Tencent ได้เข้าซื้อหุ้นของบริษัท China Music Corporation และได้พัฒนาแอปพลิเคชั่นสำหรับการฟังเพลงโดยเฉพาะอย่าง Joox ขึ้นมาซึ่งแอปพลิเคชั่นนี้ก็ได้รับความนิยมในประเทศไทยรวมถึงประเทศในภูมิภาคอาเซียนด้วยเช่นกัน
บทเรียนแนวคิดการทำธุรกิจของ Pony Ma
ไม่มัวแต่รอคอยแต่พยายามมองหาโอกาสให้ตัวเอง
Pony Ma เป็นอีกหนึ่งคนที่มีความสามารถและมีความเก่งเป็นต้นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่กระนั้นเขาเองก็ไม่เคยรอคอยให้ใครมาเห็นคุณค่าในความสามารถของเขาเลย เพราะเอาเข้าจริง ๆแล้วเป็นตัวของเขาเองด้วยซ้ำที่นำเอาความเก่งของตนเองมาใช้ในการมองหาและสร้างโอกาสให้ตัวเองจากการค้นคว้า วิจัยจนสามารถก่อตั้ง Tencent ขึ้นมาได้สำเร็จ หากย้อนกลับไปในตอนนั้นที่เขาเองเพียงแค่นั่งรอคอยให้มีคนเห็นความสามารถของเขา โลกนี้ก็อาจจะไม่มีใครรู้จัก Tencent ก็เป็นได้
สู้ไม่ถอยแม้ว่าจะต้องพบเจอปัญหานานัปการ
การเริ่มต้นธุรกิจใหม่แทบไม่มีใครเลยที่จะไม่เคยพบเจอปัญหา Pony Ma ก็เช่นกันที่กว่าธุรกิจที่เขาก่อตั้งจะเริ่มต้นสร้างกำไรให้เขาได้ก็ผ่านไปหลายปี ซึ่งก่อนหน้านี้เขาเองก็ต้องพบเจอและคอยแก้ไขสถานการณ์ต่าง ๆ ที่ถาโถมเข้ามาไม่น้อย หากเขาไม่มีความอดทนหรือล้มเลิกความตั้งใจไปเสียก่อนก็คงไม่มีเขาในทุกวันนี้เช่นกัน ดังนั้นสำหรับผู้ประกอบการที่กำลังเริ่มต้นธุรกิจก็อย่าเพิ่งท้อถอย หากคุณศึกษาข้อมูลต่าง ๆมาดีแล้วก็ขอให้อดทนทำตามแผนการที่วางเอาไว้และอย่าเพิ่งถอดใจต่ออุปสรรคต่าง ๆ หากคุณผ่านพ้นช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไปได้ความสำเร็จก็คือผลตอบแทนของความอดทนนี้
ไม่หยุดพัฒนาและต่อยอดธุรกิจอยู่เสมอ
ธุรกิจจะเติบโตได้ไม่ใช่แค่การอาศัยบุญเก่าที่เคยประสบความสำเร็จเพียงอย่างเดียว แต่สิ่งที่จะผลักดันให้ธุรกิจเติบโตได้ก็คือการพัฒนาและการต่อยอด จากจุดเริ่มต้นเพียงแค่บริการส่งข้อความทันใจ Pony Ma กลับขยายธุรกิจออกไปสู่อุตสาหกรรมต่าง ๆไม่ว่าจะเป็นเกม อุตสาหกรรมเพลง หรือแม้กระทั่งการต่อยอดโซเชียลมีเดียอย่าง WeChat ให้มีบริการที่หลากหลายครอบคลุมการใช้งาน ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการควรนำไปปรับใช้กับธุรกิจของตนเอง
รักที่จะเรียนรู้คือจุดเด่นสำคัญของ Pony Ma
ไม่ใช่ว่า Pony Ma จะเป็นผู้รอบรู้ในทุกเรื่อง หากแต่ก็มีเรื่องที่เขาไม่รู้เช่นกัน ตัวอย่างเช่นในช่วงเริ่มต้นธุรกิจ กว่าที่ธุรกิจของเขาจะเริ่มเป็นรูปเป็นร่างก็ต้องอาศัยการเรียนรู้ลองผิดลองถูกอยู่ไม่น้อย หรือแม้กระทั่งการขยายธุรกิจเขาก็ต้องเรียนรู้ธุรกิจใหม่ว่าเป็นอย่างไรเช่นกัน การเรียนรู้จึงเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นที่ทำให้ Pony Ma สามารถพัฒนาให้ Tencent เติบโตได้อย่างยั่งยืนในทุกวันนี้
ประวัติ Pony Ma เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่ดีในการแสงงหาโอกาสให้กับตนเองโดยไม่มัวแต่นั่งรอคอยให้ใครมาเห็นความสามารถของเขา แนวความคิดเช่นนี้คือแนวความคิดที่นักธุรกิจส่วนใหญ่ที่ประสบความสำเร็จมักจะมีจนกลายเป็นหนึ่งในพิมพ์เขียวของความสำเร็จ เพราะความสำเร็จที่แท้จริงไม่ได้อยู่ในตำราหนาเป็นร้อยหน้า หากแต่มันจะเริ่มได้ก็ต่อเมื่อคุณลงมือทำเท่านั้น และผลลัพธ์สุดท้ายคือความสำเร็จที่คุณหมายปองก็คือผลตอบแทนที่คุ้มค่าอย่างที่สุด
