Startup

5 เรื่องสำคัญที่ Start-up ต้องเรียนรู้ก่อนคิดจะเริ่มต้นตั้งบริษัท

Written by invest2morrow

            คำว่า Start-up ในปัจจุบันไม่ใช่คำใหม่อีกต่อไปครับ แต่คำ ๆนี้ยังคงหอมหวานเสมอสำหรับผู้ประกอบการหน้าใหม่ที่อยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง โดยตัวแปรหลักที่จะทำให้เหล่า Start-up ประสบความสำเร็จมักจะอยู่ที่ “ไอเดียและความคิดริเริ่มสร้างสรรค์” Start-up ที่มี 2 สิ่งนี้ที่สามารถตอบโจทย์ของลูกค้าได้ ก็มีโอกาสที่ธุรกิจที่ริเริ่มไว้จะประสบความสำเร็จอย่างที่ต้องการ แต่กระนั้นหากมีแต่ไอเดียเพียงอย่างเดียวก็อาจไม่เพียงพอสำหรับการทำธุรกิจ ในบทความนี้เรามาดู 5 สิ่งสำคัญที่ start-up จำเป็นต้องเรียนรู้หากคิดที่จะทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ ถ้าพร้อมแล้วเรามาทำความเข้าใจไปพร้อม ๆกันครับ

5 เรื่องสำคัญที่ start-up ต้องเรียนรู้ก่อนเริ่มทำธุรกิจ เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่ธุรกิจจะล้มเหลว

            Noam Wasserman เจ้าของผลงานหนังสือขายดีอย่าง “The Founder’s Dilemmas” และ“Life is a Startup,” ได้ออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับ 5 เรื่องสำคัญที่เหล่าบรรดาเจ้าของ Start-up ต้องเรียนรู้ก่อนการทำธุรกิจ โดยมีสาระสำคัญดังต่อไปนี้ครับ

1. start-up ไม่ควรแต่จะทำตามหัวใจของตนเพียงอย่างเดียว

            แม้ว่าการได้ทำในสิ่งที่ตนเองรักจะเป็นเรื่องดี เพราะจะทำให้ start – up ให้ความสนใจ มีความกระตือรือร้น พร้อมที่จะเรียนรู้และแก้ไขสถานการณ์ต่าง ๆอันเป็นคุณสมบัติที่ดีและสามารถทำให้สิ่งที่ทำประสบความสำเร็จได้ แต่กระนั้นในมุมมองของ Noam Wasserman นั้นการที่ start – up สนใจแต่การทำในสิ่งที่ตนเองรักเพียงอย่างเดียวอาจไม่ได้การันตีความสำเร็จเสมอไป สิ่งที่ strat – up จำเป็นต้องมีนอกเหนือไปจากความรักและความหลงใหลในสิ่งที่ทำก็คือ “เหตุผลและการวิเคราะห์สถานการณ์ไปตามความเป็นจริง” คุณสมบัติทั้ง 2 ประการนี้จะทำให้ start-up ตัดสินใจในเรื่องสำคัญต่าง ๆได้เป็นอย่างดีมากกว่าการใช้แต่เพียงสัญชาตญาณและความรู้สึกส่วนตัวมาประกอบการตัดสินใจครับ ดังนั้นก่อนที่จะเริ่มต้นทำธุรกิจ start-up จำเป็นที่จะต้องมีวิสัยทัศน์และมองโอกาสรอบ ๆด้านอย่างเป็นเหตุเป็นผลและตามความเป็นจริงเท่านั้นจึงจะตัดสินใจลงทุนเริ่มต้นธุรกิจใหม่ครับ

2. ต้องสำรวจปัจจัย 3 ประการอันจะนำไปสู่ความสำเร็จว่าตนเองมีพร้อมหรือไม่

            การที่ start-up จะประสบความสำเร็จหรือไม่ในมุมมองของ Noam Wasserman นั้นจะต้องมีองค์ประกอบ 3 ประการมาเกื้อหนุนซึ่งกันและกันเสมอ โดยจะขาดส่วนใดส่วนหนึ่งไปไม่ได้เลย องค์ประกอบที่ว่านี้ก็คือ

            – ตลาด: คุณจำเป็นต้องรู้ว่าสินค้าของคุณมีใครที่เป็นตลาดที่คุณจะนำสินค้านี้ไปขายให้ ธุรกิจใดที่ผลิตสินค้าออกมาแล้วแต่ไม่รู้ว่าจะนำไปขายใคร ธุรกิจนั้นไม่มีวันที่จะประสบความสำเร็จ

            – อาชีพหรือรายได้ทางอื่นของผู้ก่อตั้ง: การเริ่มต้นธุรกิจใหม่ทุกประเภทมีความเสี่ยงเสมอครับ เพราะโอกาสที่จะประสบความสำเร็จนั้นมีพอ ๆกับความล้มเหลว ดังนั้นก่อนที่คิดจะเริ่มต้นทำธุรกิจของตนเองคุณจำเป็นที่จะต้องมีงานหรือแหล่งรายได้ทางอื่นรองรับในกรณีที่หากเกิดเรื่องเลวร้ายที่สุดเอาไว้ด้วย การทุบหม้อข้าวตัวเองโดยลาออกจากงานประจำเพื่อมาลุยธุรกิจของตัวเองเต็มตัวโดยขาดซึ่งประสบการณ์มาก่อนคือความเสี่ยงที่อันตรายอย่างใหญ่หลวงสำหรับ start-up

            – ความพร้อมในการทำธุรกิจของตน: ก่อนจะเริ่มต้นทำธุรกิจ คุณจำเป็นต้องมีความพร้อมซึ่งไม่เฉพาะเพียงแค่แหล่งเงินทุนเท่านั้น แต่ยังหมายรวมไปทุก ๆเรื่องไม่ว่าจะเป็นทัศนคติ เวลา และเรื่องส่วนตัว เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่ดูเล็กน้อยแต่ก็อาจกลายเป็นปัญหาสำคัญต่อการทำธุรกิจของคุณเองในอนาคตเมื่อคุณตัดสินใจเริ่มต้นธุรกิจขึ้นมาจริง ๆ

            ดังนั้นก่อนที่จะเริ่มต้นทำธุรกิจ 3 องค์ประกอบนี้คือสิ่งที่คุณจำเป็นต้องมีโดยไม่อาจขาดองค์ประกอบใดองค์ประกอบหนึ่งไปได้เลย

3. ทำการบ้านและเตรียมความพร้อมก่อนเริ่มต้นทำธุรกิจ

            “การเตรียมความพร้อมที่ดีเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสู่ความสำเร็จ” หากคิดจะเริ่มต้นทำธุรกิจคุณก็จำเป็นต้องมีการวางแผนและการเตรียมความพร้อมให้แก่ธุรกิจของตัวคุณเอง นอกเหนือไปจากการเตรียมความพร้อมเรื่องเงินทุน การทำแผนธุรกิจ ขั้นตอนการทำธุรกิจอีกหนึ่งความพร้อมและเป็นการบ้านชิ้นสำคัญที่คุณจะต้องจัดทำก็คือ “การประเมินว่าสิ่งใดที่เป็นความเสี่ยงในการทำธุรกิจที่คุณกำลังจะเริ่มต้นนั้น” การเรียนรู้ความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นและเตรียมพร้อมรับมือกับความเสี่ยงนั้นเป็นการลดทอนโอกาสของความล้มเหลวลงและยังช่วยให้คุณไม่ตื่นตระหนกหากต้องเผชิญปัญหาจริง ๆระหว่างการทำธุรกิจในอนาคตครับ

4. เรียนรู้ในเรื่องของปัจจัยที่เป็นจุดอ่อนของคุณและเรียนรู้ที่จะกำจัดจุดอ่อนนั้นทิ้ง

            ไม่มีใครเก่งไปเสียรอบด้าน โดยเฉพาะเหล่ามือใหม่ที่เพิ่งจะลงสู่สนามของธุรกิจ คุณอาจจะมีไอเดียที่ดี มีสินค้าที่เป็นประโยชน์แต่สิ่งที่คุณขาดก็คือประสบการณ์ในการทำธุรกิจครับ จุดอ่อนในเรื่องต่าง ๆเหล่านี้คือสิ่งที่คุณจำเป็นต้องยอมรับและเตรียมความพร้อมที่จะรับมือกับมันไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้ทักษะต่าง ๆที่จำเป็นต้องใช้ในการทำธุรกิจ แต่หากทักษะบางอย่างเป็นสิ่งที่นอกเหนือไปจากความสามารถของคุณจริง ๆการยอมรับความจริงและหาผู้เชี่ยวชาญมาช่วยเหลือธุรกิจของคุณก็อาจเป็นวิธีการที่เหมาะสมและช่วยร่นระยะเวลาในการทำงานของคุณได้มากครับ

5. พึงระมัดระวังตนเองอยู่เสมอ

            Noam Wasserman กล่าวเอาไว้ว่า “ธุรกิจ start-up ที่จะประสบความสำเร็จนั้นขนาดของเงินทุนไม่ใช่ปัจจัยชี้วัดความสำเร็จ” โดยเขากล่าวอีกว่า “มีเพียง 1 % เท่านั้นที่จะประสบความสำเร็จได้ภายหลังการระดมทุนใหญ่” ซึ่งปัจจัยที่ทำให้ start-up ล้มเหลวมีถึง 3 ปัจจัยใหญ่ ๆนั่นก็คือการพัฒนาสินค้าและผลิตภัณฑ์ ปัญหาเกี่ยวกับการบริหารการตลาดและการบริหารภายในของบริษัทเอง แต่กระนั้นปัญหาใหญ่ที่ Noam Wasserman ให้ความสำคัญมากกว่าปัญหาทั้ง 3 นี้ก็คือ “ปัญหาของบุคลากรในองค์กร”

            เพื่อรับมือกับปัญหานี้ Noam Wasserman จึงได้ให้คำแนะนำว่าเจ้าของธุรกิจนี้ควรที่จะปรับทัศนคติของตนเองและตระหนักถึงหลุมพรางที่อาจเกิดขึ้นได้ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเรื่องความลำเอียงและความขัดแย้งไม่ลงรอยกัน เมื่อใดที่ปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้นเจ้าของธุรกิจควรนำปัญหาเหล่านี้เข้าสู่ที่ประชุมเพื่อหาวิธีการในการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ร่วมกัน

            ทั้ง 5 ประการนี้คือสิ่งที่เหล่า Start-up ที่กำลังจะเริ่มต้นทำธุรกิจและตั้งบริษัทควรให้ความสนใจให้มากครับ แม้ว่าไอเดียดี ๆจาก start-up จะเจ๋งและสร้างความเปลี่ยนแปลงในวงกว้างได้มากเพียงใด แต่หาก start-up นั้นไม่มีความรู้และประสบการณ์ในการธุรกิจเลย โอกาสที่ start-up หน้าใหม่จะพุ่งชนความล้มเหลวก็เป็นไปได้สูงมากทีเดียว

อ้างอิง https://www.businessinsider.com/5-things-startup-founders-should-know-before-starting-a-company-2019-12

Spread the love

About the author

invest2morrow

เว็บไซต์ให้ความรู้สำหรับการ "ลงทุน" สำหรับมือใหม่ และข่าวสารการลงทุนทั่วโลก
ติดต่อโฆษณา ประชาสัมพันธ์ 0926565298