กองทุน

มือใหม่หัดลงทุน ซื้อกองทุนอะไรดี

Written by invest2morrow

พอทำงานไปสักพัก มีเงินเก็บสักก้อน หลายคนเริ่มเห็นความสำคัญของการลงทุน ทำอย่างไรให้เงินที่เก็บออมนั้นเติบโตขึ้น แต่ติดตรงที่ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นยังไง สำหรับมือใหม่ที่อยากลงทุน แต่ไม่มีประสบการณ์ มีเงินลงทุนไม่เยอะ และไม่มีเวลาศึกษาข้อมูลเท่าไหร่ กองทุนรวมถือเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับกองทุนรวมมากขึ้น รวมถึงวิธีเลือกซื้อกองทุนสำหรับผู้เริ่มต้น

เอาเงินออมไปทำอะไรดี

เมื่อเก็บเงินมาสักพัก จะพบว่าปัญหาของคนมีเงินคือ จะเอาเงินไปทำอะไรดี? สำหรับมือใหม่ที่ไม่มีความรู้อะไรเลยเกี่ยวกับการลงทุน ส่วนใหญ่มักเก็บเงินไว้ในธนาคาร แม้ว่าดอกเบี้ยจะน้อยนิดก็ตาม หากย้อนกลับไปหลายสิบปี วิธีนี้ถือเป็นการลงทุนอย่างนึงที่หลายคนนิยมทำกัน แต่อาจไม่เหมาะสำหรับยุคนี้ เพราะการฝากธนาคารไม่ต่างกับการเก็บเงินไว้กับตัวเอง ส่วนดอกเบี้ยที่ได้กันอยู่ทุกปีนั้นแทบไม่ต้องพูดถึง หากต้องการมุ่งไปที่การลงทุน ควรที่จะหาช่องทางการลงทุนอื่นๆที่เหมาะสม ขึ้นอยู่กับว่าต้องการศึกษาช่องทางไหน เป้าหมายการลงทุนคืออะไร บางคนที่ทำงานประจำ อาจไม่มีเวลาศึกษาการลงทุนมากนัก ส่วนใหญ่จึงนิยมซื้อกองทุนรวม แน่นอนว่าผลตอบแทนที่ได้นั้นดีกว่าฝากแบงค์ ถ้าเทียบกับการฝากแบงค์ที่ดอกเบี้ย 0.25% หรือเงินฝากประจำอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 1-2% ส่วนกองทุนรวมนั้นโดยเฉลี่ยผลตอบแทนทั่วไปอยู่ประมาณ 4-5%

มือใหม่หัดลงทุน ซื้อกองทุนอะไรดี

ถ้าพูดถึงกองทุนรวมนั้นมีหลากหลายประเภท แต่หลักๆที่อยากแนะนำสำหรับมือใหม่คือ

  • กองทุนตราสารหนี้ เป็นการระดมเงินทุนจากผู้ซื้อกองทุน เพื่อนำไปปล่อยกู้ให้แก่บริษัทต่างๆ เจ้าของเงินจึงมีฐานะเป็นเจ้าหนี้นั่นเอง กองทุนประเภทนี้มีความปลอดภัย แต่ผลตอบแทนไม่ค่อยสูง อย่างน้อยซื้อไปก็อุ่นใจได้ว่าเงินลงทุนไม่หายไปไหน
  • กองทุนรวมหุ้น หรือ กองทุนรวมตราสารทุน เป็นกองทุนที่นำเงินไปลงทุนในหุ้น ซึ่งผู้ซื้อกองทุนไม่ได้เป็นคนซื้อหุ้นเอง แต่มีผู้จัดการกองทุนเป็นคนนำเงินไปลงทุนในหุ้นแทน เราไม่จำเป็นต้องศึกษาหุ้นเอง แต่สามารถดูว่าหุ้นที่เค้าซื้อถูกใจเราหรือไม่ ยกตัวอย่างเช่น กองทุน LTF/RMF ที่หลายคนเคยได้ยินกัน นอกจากจะเป็นการลงทุนแล้วยังสามารถลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย เรียกว่าได้ประโยชน์ถึง 2 เด้งเลยทีเดียว ส่วนผลตอบแทนนั้นจะผันผวนตามหุ้น ถ้าตลาดหุ้นดีผลตอบแทนก็ดี ถ้าไม่ดีผลตอบแทนก็เป็นไปตามนั้น ถามว่ามีขาดทุนมั๊ย คำตอบคือ มีแน่นอน เพราะหุ้นมีขึ้นมีลง ต่างจากตราสารหนี้ตรงที่ถ้าบริษัทไม่เจ๊ง ก็ไม่ขาดทุนนั่นเอง

เริ่มต้นซื้อกองทุนรวม ควรใช้เงินลงทุนกี่บาท

มาถึงอีกคำถามสำคัญที่คาใจใครหลายคน อยากลงทุนในกองทุนต้องใช้เงินเยอะมั๊ย ต้องลงทุนสักเท่าไหร่ ขั้นต่ำแค่ 1,000 บาท ก็ซื้อได้แล้ว ส่วนวิธีซื้อก็ง่าย สามารถสอบถามกับทางธนาคารได้เลยว่ามีกองทุนอะไรบ้าง เหมือนเอาเงินเข้าแบงค์ เพียงแต่ว่าไม่ได้เข้าบัญชีเงินฝาก แต่เป็นเข้าในกองทุนแทน การซื้อขายก็ง่ายสามารถทำผ่านแอปพลิเคชั่นบนมือถือได้เลย ส่วนจะซื้อกองทุนจากแบงค์ไหนนั้น พยายามถามข้อมูลว่าเงินที่ลงทุน เอาไปลงทุนที่ไหน ถ้าลงทุนในหุ้นเป็นหุ้นในไทย หรือต่างประเทศ เป็นหุ้นประเภทไหน หุ้นตัวนั้นดีมั๊ย สามารถรับความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้มากน้อยแค่ไหน แบงค์ไหนดีกว่ากัน? ถ้าลงทุนที่ปลายทางเดียวกัน ผลตอบแทนที่ได้ก็ไม่ต่างกัน

ควรเลือกซื้อกองทุนอะไรดี กองทุนเดียว หรือแบ่งออกไปลงหลายๆกองทุน

หากเป็นกองทุนตราสารหนี้ แนะนำว่าให้ซื้อกองทุนเดียว เมื่อต้องการลงทุนเพิ่ม ให้เพิ่มเงินลงทุนในกองทุนเดิมนั้น เพราะกองทุนตราสารหนี้มีความปลอดภัยอยู่แล้ว เราไม่จำเป็นต้องกระจายความเสี่ยงเอง เพราะตัวกองทุนนั้นกระจายความเสี่ยงให้เราอยู่แล้ว เงินในกองทุนทั้งหมดไม่ได้นำไปปล่อยกู้ให้แค่บริษัทเดียว แต่กระจายไปหลายบริษัท หรือถ้าถือหุ้น ก็ถือหุ้นหลายตัว กองทุนทำหน้าที่แทนเรา เราแค่ลงทุนให้ถูกที่และทำให้เป็นวินัย

การลงทุนแบบ Dollar Cost Average (DCA )

เป็นวิธีการลงทุนด้วยการเฉลี่ยซื้อ สมมติว่าจะซื้อกองทุนรวมตัวนึง ที่เรารู้สึกว่ามันดี แทนที่จะซื้อทีเดียว ก็ทยอยซื้อทีละเดือน ด้วยจำนวนเงินเท่าๆกันทุกเดือน โดยไม่สนว่าราคาหน่วยลงทุน หรือราคาหุ้นจะขึ้นหรือลง หากราคาหุ้นปรับตัวลง  เราสามารถซื้อหน่วยลงทุนหรือหุ้นได้ในจำนวนมาก แต่จะซื้อได้น้อยลงหากราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้น การลงทุนในรูปแบบ DCA จะเฉลี่ยกับผลตอบแทนของกองทุนหรือราคาหุ้นตัวนั้น การลงทุนเช่นนี้ต้องตั้งใจแล้วว่าจำนวนเงินที่ลงทุนทุกเดือนนั้นเป็นระยะยาวอย่างน้อย 5 ปีขึ้นไป ซึ่งต้องมั่นใจว่าหุ้นที่ซื้อนั้นจะดีในระยะยาว ต้องมองให้ออกว่าธุรกิจนี้อีกสิบปีข้างหน้าก็ยังไม่เจ๊ง หุ้นตัวไหนที่ผันผวน ที่ไม่รู้จักก็ไม่ควรเลือกลงทุน DCA จึงเหมาะกับคนที่สนใจเรื่องหุ้น แต่ไม่มีเวลาศึกษามากนัก เป็นวิธีหนึ่งที่ปิดความเสี่ยงในเรื่องการผันผวนของหุ้น ไม่ว่าราคาหุ้นจะขึ้นหรือลง เท่ากับว่าราคาที่ซื้อนั้นจะเฉลี่ยกันไปนั่นเอง

เชื่อว่าหลายคนน่าจะรู้อยู่แล้วว่า “ผลตอบแทนยิ่งสูง ความเสี่ยงยิ่งสูงตาม”  สำหรับมือใหม่นั้นต้องไม่ละเลยการตั้งเป้าหมายในการลงทุน เลือกลงทุนในสิ่งที่ชอบ หาความรู้อยู่เสมอ ถามตัวเองว่ายอมรับความเสี่ยงได้มากน้อยแค่ไหน และควรเรียนรู้ที่จะมีความสุขกับการลงทุนในแบบของตนเอง

Spread the love

About the author

invest2morrow

เว็บไซต์ให้ความรู้สำหรับการ "ลงทุน" สำหรับมือใหม่ และข่าวสารการลงทุนทั่วโลก
ติดต่อโฆษณา ประชาสัมพันธ์ 0926565298