กองทุน

ลงทุนกองทุนดีไหม ข้อดีของกองทุน | ซื้อกองทุนรวมลดความเสี่ยงพอร์ทระเบิด

Written by invest2morrow

ซื้อกองทุนไม่มีวันรวยจริงเหรอ? แล้วจะซื้อกองทุนไปทำไม? เป็นความสงสัยของใครหลายคน แล้วที่ว่ารวย รวยคืออะไร? หากเปรียบเทียบความรวยของตัวเองกับคนอื่น หรือจะเปรียบกับเป้าประสงค์ของตัวเอง แต่ละคนก็แตกต่าง บางคนมีเงิน 10 ล้านบาท ก็รวยแล้ว ในขณะที่บางคนมี 100 ล้านบาท ถือว่าแค่พอกินพอใช้ต้องมีเป็น 1,000 ล้านบาท จึงจะเรียกว่ารวย ดังนั้น ถ้าเราจะเปรียบเทียบความรวยกับเป้าหมายการลงทุนอาจไม่ค่อยเหมาะสมนัก

แล้วทำไมคนถึงบอกว่าซื้อกองทุนแล้วไม่รวย?

1.ค่าธรรมเนียมในการบริหารจัดการ

ในกรณีที่ผู้จัดการกองทุนต้องมีการจัดการหลักทรัพย์หรือสินทรัพย์ให้เป็นไปตามแนวโน้มที่ต้องการจะเปลี่ยนแปลงหรือที่เรียกว่า Active Fund ซึ่งจะมีค่าดำเนินการที่สูงถึง 1 – 2% และยังมีกรณีที่บางกองทุนจัดตั้งขึ้นเพื่อเปิดขายหน่วยลงทุนแล้วไปนำเงินไปซื้อกองทุนใหญ่อีกที เรียกว่า Feeder Fund ทำให้มีค่าธรรมเนียมในการจัดการที่เราต้องจ่ายให้ทั้งกับ Feeder Fund และจ่ายให้กองทุนใหญ่ กองทุนจะมีกำไรสองต่อ แต่เป็นค่าใช้จ่ายที่ซ้ำซ้อนของเราจึงทำให้ผลตอบแทนลดลง ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของเราในระยะยาวได้

2. การกระจายตัวของหลักทรัพย์ค่อนข้างสูง

กองทุนส่วนใหญ่ลงทุนในหลักทรัพย์หรือสินทรัพย์หลายชนิด ซึ่งการกระจายการลงทุนเป็นการลดความเสี่ยงได้ แต่ต้องแลกกับการได้ผลตอบแทนที่อยู่ในค่าเฉลี่ยที่อาจไม่สูงมาก หากดูกรณีศึกษาของ CPALL ในช่วงวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ ปี 2008 ราคา CPALL อยู่ในจุดที่ต่ำสุดคือ 7 บาท หากเปรียบเทียบกับช่วงนี้ที่ราคา 80 บาท เป็นราคาที่ยังไม่แตกพาร์ (Split Par) ซึ่งถ้าแตกพาร์แล้วราคาจะคูณสอง หมายความว่าตลาดหุ้นจาก 400 จุด ขึ้นมา 1,700 จุด เพียง 3 – 4 เท่ากว่า ๆ เท่านั้น แต่หุ้น CPALL เพียงตัวเดียวสามารถทำกำไรได้ถึง 20 เท่า โดยที่ยังไม่รวมปันผล จากกรณีตัวอย่างนี้การกระจายการลงทุนแบบกองทุนทำให้ไม่ได้

และกองทุนก็มีความเสี่ยงที่จะขาดทุนได้เช่นกัน ถึงแม้ว่าฟังแล้วกองทุนดูจะไม่น่าซื้อ แต่ทั้งนี้ถ้าคุณจะซื้อหุ้นรายตัว นั่นหมายความว่า คุณต้องมีความรู้ในการลงทุนเป็นอย่างดี มิฉะนั้นจะเป็นความเสี่ยงมาก ข้อดีกองทุนรวม  ก็จะมาช่วยปิดจุดด้อยของเราส่วนนี้

ข้อดีของกองทุน

1.กระจายการลงทุน ลดความเสี่ยง

กองทุนจะมีผู้จัดการกองทุนที่มีความรู้ความสามารถมาช่วยเลือกสินทรัพย์ในการลงทุนให้ได้ ความเสี่ยงลดลง ผลตอบแทนจึงไม่สูงมาก แต่ถ้าเลือกช่วงจังหวะในการลงทุนที่ดี จะทำให้ได้ผลตอบแทนที่ดีได้ในระดับหนึ่ง เช่น ถ้าเป็นช่วงที่หุ้นราคาสูงก็ให้ไปเลือกลงทุนในตราสารหนี้แทน และเลือกลงทุนในหุ้นในช่วงที่หุ้นราคาถูก เป็นต้น

2. มีเงินน้อย ไม่รู้เรื่องหุ้นมากนัก ก็ลงทุนได้

หุ้นที่พื้นฐานดีมากมักจะราคาแพง ถ้าเงินเราไม่มากเราก็ไม่สามารถซื้อได้ แต่หากลงทุนกับกองทุน เราสามารถทยอยเงินค่อย ๆ ซื้อได้ เช่น พันธบัตรรัฐบาล หรือบางอย่างที่มีมูลค่า 3 – 5 ล้านบาท ถ้าเราซื้อไม่ได้ ก็ให้ไปลงทุนในกองทุนแทน เป็นต้น แต่อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีกองทุนที่ลงทุนแบบแบบเฉพาะเจาะจงหรือแบบโฟกัสกับสินทรัพย์ประเภทเดียว เช่น กองทุนทองคำ กองทุนน้ำมัน เป็นต้น ซึ่งอาจทำให้เรารวยได้ผลตอบแทนสูงได้ แต่ถ้าเรามีเงินจำนวนมาก เราจะไม่ซื้อเพียงกองทุนเดียวที่มีเป็นแบบเฉพาะเจาะจง เพราะถ้าเราไม่มีความรู้ในการประเมินสินทรัพย์รายตัว ขาดองค์ความรู้ในการประเมินมูลค่า เราจะเหมาะที่จะลงทุนในกองทุนที่จะช่วยกระจายความเสี่ยงได้มากกว่า

แต่ในกรณีที่เราอยากได้ผลตอบแทนที่สูง ก็สามารถเลือกลงทุนแบบโฟกัสได้ เลือกตัวที่ดีที่สุดในอุตสาหกรรม ซึ่งถ้ารวยก็รวยเลย แต่ถ้าไม่รวยก็ขาดทุนไปเลย เพราะคนที่จะลงทุนแบบโฟกัสต้องมีความรู้ในการลงทุนอย่างมาก ต้องขยันอ่านหนังสือ ต้องพยายามติดตามข่าวสาร สามารถวิเคราะห์งบการเงิน ประเมินมูลค่า ทำงานอย่างหนัก และความเสี่ยงสูง สิ่งเหล่านี้แลกมากับการได้ผลตอบแทนที่สูง

แล้วเราลงทุนไปทำไม อะไรเป็นเป้าหมายในการลงทุน

1.กำหนดเป้าหมายในการลงทุน

ซึ่งไม่ใช่ความร่ำรวย แต่ควรเป็นจำนวนเงินที่ต้องการนำไปทำให้บรรลุวัตถุประสงค์ด้านการเงิน เช่น เพื่อเกษียณ ระบุจำนวนที่ต้องการที่เพียงพอสำหรับการเกษียณ เป็นต้น

2. ศึกษาทางเลือกและสินทรัพย์ในการลงทุน

ให้ศึกษาดูว่าการลงทุนแบบใด และในสินทรัพย์ใดที่จะทำให้ได้รับผลตอบแทนมากพอจะทำให้เราบรรลุเป้าหมายที่ต้องการได้

3. ศักยภาพหรือความสามารถในการลงทุนของตัวเอง

ให้พิจารณาความสามารถของตัวเองว่าเพียงพอหรือไม่ที่จะลงทุนในสินทรัพย์นั้น ๆ ให้ได้กำไรในผลตอบแทน

4. เพิ่มศักยภาพหรือความสามารถในการลงทุนของตัวเอง

ทำอย่างไรจึงทำให้เรามีความสามารถเพิ่มขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงในการลงทุนให้น้อยที่สุด และเพิ่มโอกาสในการบรรลุเป้าหมายของเราได้มากขึ้น

ความร่ำรวยไม่ใช่เป้าหมายในการลงทุนเสมอไป ข้อดีของกองทุน เราสามารถนำผลตอบแทนที่ได้มาเพื่อการเลี้ยงดูตัวเองและครอบครัวในยามเกษียณหรือแก่ชรา ทั้งนี้ ไม่มีการลงทุนแบบใดที่ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนแบบเฉพาะเจาะจงหรือโฟกัส ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนที่มีการกระจายความเสี่ยง เพียงแต่เราทุกคนควรพิจารณาการลงทุนให้เหมาะสมกับตัวเอง ลงทุนในขอบเขตที่ตัวเองรับได้ เราต้องสำรวจวิเคราะห์ทั้งตัวเองและหุ้น เพื่อให้เราบรรลุตามเป้าหมายที่ต้องการ

Spread the love

About the author

invest2morrow

เว็บไซต์ให้ความรู้สำหรับการ "ลงทุน" สำหรับมือใหม่ และข่าวสารการลงทุนทั่วโลก
ติดต่อโฆษณา ประชาสัมพันธ์ 0926565298